พระราชบัญญัติควบคุมการเรี่ยไร พ.ศ. 2487
ความหมายของการเรี่ยไร
“การเรี่ยไร” ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2525 หมายถึง การเก็บเงินโดยขอร้องให้ช่วยออกเงินตามใจสมัคร ตามมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติควบคุมการเรี่ยไร พุทธศักราช 2487
“การเรี่ยไร” หมายความตลอดถึง การซื้อขายแลกเปลี่ยน ชดใช้ หรือบริการซึ่งมีการแสดงโดยตรง หรือปริยาย ถ้ามิใช่เป็นการซื้อขาย แลกเปลี่ยน ชดใช้ หรือบริการธรรมดา แต่เพื่อรวบรวมทรัพย์สินที่ได้มาทั้งหมด หรือบางส่วนไปใช้ในกิจการอย่างใดอย่างหนึ่งด้วย
คณะกรรมการควบคุมการเรี่ยไร
คณะกรรมการควบคุมการเรี่ยไรต้องมีกรรมการมาประชุมไม่น้อยกว่า 4 คน จึงจะครบองค์ประชุม และคณะกรรมการประกอบด้วย
1. ปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธาน
2. ผู้แทนกระทรวงกลาโหม 1 คน
3. ผู้แทนกระทรวงศึกษาธิการ 1 คน
4. ผู้แทนกระทรวงสาธารณสุข 1 คน
5. ผู้แทนกระทรวงการคลัง 1 คน
6. ผู้แทนกรมตำรวจ 1 คน (สำนักงานตำรวจแห่งชาติ)
7. ผู้แทนกรมมหาดไทย 1 คน (กรมการปกครอง)
ข้อปฏิบัติในการเรี่ยไร
บุคคลผู้ทำการเรี่ยไรต้องมีใบอนุญาตติดตัวอยู่ขณะทำการเรี่ยไร ในการรับเงินหรือทรัพย์สินที่เรี่ยไรได้ ต้องออกใบรับแกผู้บริจาค กับมีต้นขั้วใบรับไว้เป็นหลักฐาน และประกาศยอดรับและจ่ายให้ประชาชนทราบเป็นครั้งคราว การเรี่ยไรห้ามใช้ถ้อยคำหรือวิธีการใด ซึ่งเป็นการบังคับผู้ถูกเรี่ยไร
ข้อห้ามเด็ดขาดในการเรี่ยไรหรือทำการเรี่ยไร
1. เรี่ยไรเพื่อรวบรวมทรัพย์สินมาให้ หรือชดใช้แก่จำเลย
2. เรี่ยไรโดยกำหนดเก็บเงินหรือทรัพย์สิน โดยคำนวณตามเกณฑ์ปริมาณสินค้า ผลประโยชน์หรือวัตถุอย่างอื่น
3. เรี่ยไรอันอาจเป็นเหตุให้เสี่ยมทรามแก่ความสงบเรียบร้อย หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน
4. เรี่ยไรอันอาจเป็นเหตุกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ถึงความสัมพันธ์ไมตรีกับต่างประเทศ
5. เรี่ยไรเพื่อจัดหายุทธภัณฑ์ให้แก่ต่างชาติ
ข้อห้ามที่ได้รับอนุญาตจึงจะสามารถทำการเรี่ยไรได้
เรี่ยไรซึ่งอ้างว่าเพื่อประโยชน์แก่เทศบาล หรือสาธารณประโยชน์ จัดให้มีได้เมื่อได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการควบคุมการเรี่ยไรแล้ว
บุคคลที่ห้ามอนุญาตให้จัดให้มีการเรี่ยไร หรือทำการเรี่ยไร
1. บุคคลที่อายุต่ำกว่า 16 ปี
2. จิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ ไร้ความสามารถ เสมือนไร้ความสามารถ
3. เป็นโรคติดต่อที่น่ารังเกียจ
4. บุคคลเคยต้องโทษฐานลักทรัพย์ วิ่งราวทรัพย์ ชิงทรัพย์ ปล้นทรัพย์ โจรสลัด กรรโชคทรัพย์ ฉ้อโกง ยักยอกทรัพย์ รับของโจร หรือทุจริตต่อหน้าที่ และพ้นโทษมาแล้วยังไม่ครบ 5 ปี
5. บุคคลที่เจ้าพนักงานเห็นว่ามีความประพฤติ หรือหลักฐานไม่น่าไว้ใจ
การเรี่ยไรที่ต้องได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่
การเรี่ยไรในถนนหลวง ที่สาธารณะ โฆษณาด้วยสิ่งพิมพ์ วิทยุกระจายเสียง เครื่องเปล่งเสียง จะให้มีหรือทำได้ต่อเมื่อได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่แล้ว[1] แต่มิให้บังคับแก่
1. การเรี่ยไรที่ได้รับอนุญาต
2. การเรี่ยไรเพื่อกุศลสงเคราะห์ ในโอกาสที่บุคคลชุมนุมกันประกอบศาสนกิจ
3. การเรี่ยไรโดยการขายสิ่งของใช้งานออกร้าน
เมื่อมีผู้ขอรับอนุญาตเรี่ยไรในถนนหลวง ที่สาธารณะ โฆษณาด้วยสิ่งพิมพ์ วิทยุกระจายเสียง เครื่องเปล่งเสียง ถ้าพนักงานเจ้าหน้าที่สั่งไม่อนุญาต ให้พนักงานเจ้าหน้าที่แจ้งและแสดงเหตุผลให้ผู้ขออนุญาตทราบ ภายในกำหนด 10 วัน นับแต่วันได้รับคำร้องขอ และผู้ขออนุญาตมีสิทธิยื่นอุทธรณ์คำสั่งของพนักงาน ภายในกำหนด 15 วัน โดยการยื่นอุทธรณ์ในจังหวัดพระนครและธนบุรี ให้ยื่นต่อคณะกรรมการซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้ง[2] ส่วนจังหวัดอื่นให้ยื่นต่อคณะกรมการจังหวัด
อำนาจในการกำหนดเงื่อนไขบางประการของคณะกรรมการ
คณะกรรมการควบคุมการเรี่ยไรมีอำนาจสั่งไม่อนุญาต หรือสั่งโดยกำหนดเงื่อนไขในการเรี่ยไรได้ในกรณีดังต่อไปนี้
1. จำนวนเงินหรือทรัพย์สินอย่างสูงที่ให้เรี่ยไรได้
2. เขต หรือสถานที่ เวลา ที่อนุญาตให้ทำการเรี่ยไรได้
3. วิธีเก็บรักษาและทำบัญชีเงิน หรือทรัพย์สินที่เรี่ยไรได้
4. วิธีทำการเรี่ยไร
อัตราโทษ
1. ผู้ใดฝ่าฝืนการเรี่ยไรโดย อ้างว่าเพื่อประโยชน์ของเทศบาล หรือสาธารณะ เรี่ยไรในถนนหลวง สาธารณะ โฆษณา จำคุกไม่เกิน 1 เดือน ปรับไม่เกิน 200 บาท
2. ผู้ใดฝ่าฝืนทำการเรี่ยไรโดย ไม่ออกใบรับ จ่ายเงินนอกวัตถุประสงค์ ไม่อาจดำเนินการได้ตามวัตถุประสงค์ ปรับไม่เกิน 500 บาท จำคุกไม่เกิน 6 เดือน
3. ผู้ใดฝ่าฝืนทำการเรี่ยไรโดยใช้ถ้อยคำข่มขู่ ปรับไม่เกิน 1,000 บาท จำคุกไม่เกิน 1 ปี
4. ทำผิดเงื่อนไขที่คณะกรรมการกำหนด 4 ข้อ ตามมาตรา 9[3] ปรับไม่เกิน 100 บาท
กฎกระทรวงมหาดไทยแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่ หลักเกณฑ์วิธีขออนุญาตจัดทำให้มีการเรี่ยไร พ.ศ. 2548
พนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรา 8
1. อธิบดีกรมการปกครอง ในเขตกรุงเทพมหานคร
2. นายอำเภอ หรือปลัดอำเภอผู้เป็นหัวหน้าประจำกิ่งอำเภอ ในเขตจังหวัดอื่น
สถานที่ยื่นคำขออนุญาต
1. กรุงเทพมหานคร ให้ยื่น ณ กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย
2. จังหวัดอื่น ให้ยื่น ณ ที่ทำการปกครองอำเภอ ที่ทำการปกครองกิ่งอำเภอ
หลักฐานในการยื่นขออนุญาต
ผู้ประสงค์จะขออนุญาตทำการเรี่ยไร ให้ยื่นคำขอพร้อมด้วยรูปถ่ายขนาด 6 x 4 เซนติเมตร จำนวน 2 รูป ผู้ขออนุญาตจัดให้มีการเรี่ยไรเสนอข้อความจะนำออกโฆษณา จำนวน 2 ชุด พร้อมคำขออนุญาตและถ้าข้อความโฆษณานั้นเป็นภาษาต่างประเทศให้เสนอคำแปลเป็นภาษาไทยด้วย
แบบพิมพ์[4]
1. คำขออนุญาตจัดให้มีการเรี่ยไร (ร.1)
รูปถ่ายหน้าตรง ขนาด 6 x 4 ซม. ถ่ายไว้ไม่เกิน 6 เดือน จำนวน 2 รูป ข้อความซึ่งจะนำออกโฆษณา หากเป็นภาษาต่างประเทศให้เสนอคำแปลเป็นภาษาไทย จำนวน 2 ชุด และหลักฐานอื่นๆ เช่น สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน
2. คำขออนุญาตทำการเรี่ยไร (ร.2)
รูปถ่ายหน้าตรง ขนาด 6 x 4 ซม. ถ่ายไว้ไม่เกิน 6 เดือน จำนวน 2 รูป และหลักฐานอื่นๆ เช่น สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน
3. ใบอนุญาตจัดให้มีการเรี่ยไร (ร.3)
4. ใบอนุญาตทำการเรี่ยไร (ร.4)
คำสั่งมหาเถรสมาคม เรื่อง ควบคุมการเรี่ยไร พ.ศ. 2539
กำหนดให้มีคณะกรรมการควบคุมการเรี่ยไรส่วนกลาง และคณะกรรมการควบคุม การเรี่ยไรส่วนจังหวัด พร้อมทั้งมีคำสั่งไว้ให้ปฏิบัติ ดังนี้
1. ห้ามมิให้วัด หรือพระภิกษุ สามเณร ทำการเรี่ยไร หรือมอบหมายหรือยินยอมให้ผู้อื่นกระทำการเรี่ยไรทั้งโดยทางตรงและโดยทางอ้อม เพื่อประโยชน์แก่วัด หรือพระศาสนา หรือเพื่อประโยชน์อย่างอื่นใดแก่ตนหรือผู้อื่นเว้นแต่ในกรณีที่กำหนดไว้ในคำสั่งมหาเถรสมาคมนี้
2. ในกรณีที่มีการบำเพ็ญกุศลในวัด ซึ่งเป็นงานประจำปี หรืองานพิเศษถ้าจะมีการเรี่ยไร การโฆษณาเรี่ยไร และการรับเงิน หรือทรัพย์สิน จากการเรี่ยไรให้กระทำได้เฉพาะภายในวัด ห้ามมิให้กระทำนอกบริเวณวัด
ถ้ามีกรณีจำเป็นจะต้องทำการเรี่ยไรนอกบริเวณวัด เพื่อก่อสร้างปฏิสังขรณ์ถาวรวัตถุใดถาวรวัตถุนั้นต้องได้มีการก่อสร้าง หรือปฏิสังขรณ์ไว้แล้วไม่น้อยกว่าครึ่งหนึ่งของงานก่อสร้างหรือปฏิสังขรณ์ทั้งหมด และให้เจ้าอาวาสรายงานขออนุมัติการเรี่ยไรตามลำดับชั้นจนถึงคณะกรรมการควบคุมการเรี่ยไร ส่วนจังหวัด ถ้าขอเรี่ยไรทั่วประเทศให้เสนอถึงคณะกรรมการควบคุมการเรี่ยไร ส่วนกลาง โดยรายงานการขออนุมัติทำการเรี่ยไร ให้แสดงรายการก่อสร้างหรือปฏิสังขรณ์ จำนวนเงินหรือทรัพย์สินที่จะทำการเรี่ยไร กำหนดเวลาทำการเรี่ยไรและข้อความที่จะโฆษณาเรี่ยไร
เมื่อได้รับการอนุมัติตามข้างต้นแล้ว จึงให้จัดการขออนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมการเรี่ยไรต่อไป ทั้งนี้ ห้ามพระภิกษุสามเณรออกทำการเรี่ยไรด้วยตนเอง และต้องปฏิบัติ ให้ถูกต้องตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมการเรี่ยไรทุกประการ และเมื่อครบกำหนดเวลาที่ได้รับอนุญาตให้ทำการเรี่ยไรแล้ว ให้รายงานยอดรายรับรายจ่าย เงินและทรัพย์สินในการเรี่ยไรเสนอ ตามลำดับจนถึงคณะกรรมการควบคุมการเรี่ยไรส่วนกลาง หรือส่วนจังหวัด แล้วแต่กรณี
การตรวจสอบและควบคุมการเรี่ยไร
1. มีใบอนุญาตฉบับจริงเท่านั้น
2. ผู้เรี่ยไรเป็นผู้มีชื่อและมีภาพถ่ายตรงกับที่ระบุไว้ในใบอนุญาต
3. ได้รับอนุญาตจากเจ้าของสถานที่แล้ว
ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการเรี่ยไรของหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2544
หน่วยงานของรัฐ
“หน่วยงานของรัฐ” หมายความว่า ส่วนราชการหรือหน่วยงานที่อยู่ในกำกับดูแลของรัฐทุกระดับทั้งในราชการส่วนกลาง ราชการส่วนภูมิภาค ราชการส่วนท้องถิ่น และรัฐวิสาหกิจ
หน่วยงานของรัฐจะจัดให้มีการเรี่ยไรหรือเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเรี่ยไรมิได้ เว้นแต่ได้รับอนุมัติจาก กคร. หรือ กคร.จังหวัด
คณะกรรมการควบคุมการเรี่ยไรของหน่วยงานของรัฐ
คณะกรรมการควบคุมการเรี่ยไรของหน่วยงานของรัฐ เรียกโดยย่อว่า “กคร.” ประกอบด้วย
1. รองนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีที่นายกรัฐมนตรีมอบหมายเป็นประธานกรรมการ
2. ผู้แทนสำนักนายกรัฐมนตรี
3. ผู้แทนกระทรวงกลาโหม
4. ผู้แทนกระทรวงการคลัง
5. ผู้แทนกระทรวงมหาดไทย
6. ผู้แทนกระทรวงศึกษาธิการ
7. ผู้แทนกระทรวงสาธารณสุข
8. ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
9. ผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งนายกรัฐมนตรีแต่งตั้งอีกไม่เกิน 4 คนเป็นกรรมการ
10. ผู้แทนสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นกรรมการและเลขานุการ
คณะกรรมการควบคุมการเรี่ยไรจังหวัด
คณะกรรมการควบคุมการเรี่ยไรจังหวัด เรียกโดยย่อว่า “กคร. จังหวัด” ประกอบด้วย
1. ผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นประธานกรรมการ
2. รองผู้ว่าราชการจังหวัดที่ผู้ว่าราชการจังหวัดมอบหมาย
3. ปลัดจังหวัด
4. อัยการจังหวัดที่ผู้ว่าราชการจังหวัดแต่งตั้ง
5. หัวหน้าส่วนราชการระดับจังหวัดของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
6. ศึกษาธิการจังหวัด
7. สรรพากรจังหวัด
8. สาธารณสุขจังหวัด
9. นายกเทศมนตรีนครหรือนายกเทศมนตรีเมืองที่เป็นที่ตั้งจังหวัด
10. ผู้แทนหอการค้าจังหวัด
11. ผู้แทนสมาคมหรือชมรมธนาคารพาณิชย์จังหวัด
12. ผู้แทนสภาอุตสาหกรรมจังหวัด
13. บุคคลอื่นซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดแต่งตั้งอีกไม่เกิน 3 คนเป็นกรรมการ
14. หัวหน้าส่วนราชการประจำจังหวัดซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดแต่งตั้งหนึ่งคนเป็นกรรมการและเลขานุการ
การเรี่ยไรที่ต้องได้รับอนุมัติจาก กคร. หรือ กคร. จังหวัด
1. เป็นการเรี่ยไรที่หน่วยงานของรัฐเป็นผู้ดำเนินการเพื่อประโยชน์แก่หน่วยงานของรัฐนั้นเอง
2. เป็นการเรี่ยไรที่หน่วยงานของรัฐเป็นผู้ดำเนินการเพื่อประโยชน์แก่การป้องกันหรือพัฒนาประเทศ
3. เป็นการเรี่ยไรที่หน่วยงานของรัฐเป็นผู้ดำเนินการเพื่อสาธารณประโยชน์
4. เป็นกรณีที่หน่วยงานของรัฐเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเรี่ยไรของบุคคลหรือนิติบุคคลที่ได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการควบคุมการเรี่ยไรตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมการเรี่ยไรแล้ว
การเรี่ยไรที่ไม่ต้องได้รับอนุมัติจาก กคร. หรือ กคร. จังหวัด
1. เป็นนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล และมีมติคณะรัฐมนตรีให้เรี่ยไรได้
2. เป็นการเรี่ยไรที่รัฐบาลหรือหน่วยงานของรัฐจำเป็นต้องดำเนินการเพื่อช่วยเหลือผู้เสียหายหรือบรรเทาความเสียหายที่เกิดจากสาธารณภัยหรือเหตุการณ์ใดที่สำคัญ
3. เป็นการเรี่ยไรเพื่อร่วมกันทำบุญเนื่องในโอกาสการทอดผ้าพระกฐินพระราชทาน
4. การเรี่ยไร่ที่ไม่ต้องขออนุมัติจาก กคร. หรือ กคร. จังหวัด ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ได้จำนวนเงินหรือมูลค่าทรัพย์สิน หรือจำนวนเงิน และมูลค่าทรัพย์สินรวมกันไม่เกิน จำนวน 500,000 บาท[5]
[1] อธิบดีกรมการปกครอง ในเขตกรุงเทพมหานคร, นายอำเภอ ปลัดอำเภอหัวหน้ากิ่ง ในจังหวัดอื่น
[2] ตามประกาศกระทรวงมหาดไทยการแต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ ในเขตกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2487 ให้แต่งตั้งผู้ดำรงตำแหน่งต่อไปนี้ เป็นคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์คำสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่ในเขตกรุงเทพมหานคร 1. ปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธาน 2. อธิบดีกรมการปกครอง 3. ผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศ 4. ผู้แทนกระทรวงวัฒนธรรม 5. ผู้แทนสำนักงานอัยการสูงสุด 6. ผู้แทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 7. ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย กรมการปกครอง 8. ผู้อำนวยการสำนักสอบสวนและนิติการ เป็นเลขานุการ 9. ผู้อำนวยการส่วนการรักษาความสงบเรียบร้อย สำนักสอบสวนและนิติการ เป็นผู้ช่วยเลขานุการ
[3] 1. จำนวนเงินหรือทรัพย์สินอย่างสูงที่ให้เรี่ยไรได้ 2. เขต หรือสถานที่ เวลา ที่อนุญาตให้ทำการเรี่ยไรได้ 3. วิธีเก็บรักษาและทำบัญชีเงิน หรือทรัพย์สินที่เรี่ยไรได้ 4. วิธีทำการเรี่ยไร
[4] ประกาศกระทรวงมหาดไทยเรื่อง กำหนดแบบคำขออนุญาตและแบบใบอนุญาตจัดให้มีการเรี่ยไร และทำการเรี่ยไร พ.ศ. 2548
[5] ตามประกาศคณะกรรมการควบคุมการเรี่ยไรของหน่วยงานของรัฐ ลงวันที่ 30 เมษายน 2556 เรื่อง การยกเว้นให้หน่วยงานของรัฐทำการเรี่ยไรได้โดยไม่ต้องขออนุมัติต่อ กคร. หรือ กคร. จังหวัด ตามข้อ 19 (4) และ (5) แห่งระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการเรี่ยไรของหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2544 (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2556