พระราชบัญญัติ ควบคุมการขายทอดตลาดและค้าของเก่า พ.ศ. 2474
เจตนารมณ์
พระราชบัญญัติฉบับนี้เป็นกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของสังคม จึงมีเจตนารมณ์ที่จะควบคุมไม่ให้ผู้ใดประกอบอาชีพขายทอดตลาดหรือค้าของเก่า ผู้ที่จะประกอบอาชีพตามพระราชบัญญัติฉบับนี้จึงต้องผ่านการตรวจสอบประวัติ ต้องมีคุณสมบัติตามที่กฎหมายกำหนด และต้องดำเนินการตามที่กฎหมายกำหนด โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยรักษาการ และบุคคลผู้ขายทอดตลาดหรือค้าของเก่าในวันที่พระราชบัญญัตินี้บังคับ ให้ยื่นคำขออนุญาตภายใน 3 เดือน
ความหมาย
ของเก่า คือ ทรัพย์ที่เสนอขาย แลกเปลี่ยน หรือจำหน่ายโดยประการอื่น อย่างทรัพย์ที่ใช้แล้ว ทั้งนี้รวมถึงของโบราณด้วย[1]
ขายทอดตลาด คือ การขายโดยเปิดเผยแก่มหาชน ด้วยวิธีให้โอกาสแก่ผู้ประมูลราคา ผู้ให้ราคาสูงก็มีสิทธิซื้อทรัพย์นั้นไป
การค้าของเก่า หมายถึง
ก. ประเภทโบราณวัตถุ หรือศิลปวัตถุตามกฎหมายว่าด้วยโบราณสถาน โบราณวัตถุและพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ
ข. ประเภทเพชร พลอย ทอง นาก เงิน หรืออัญมณี
ค. ประเภทรถยนต์ตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ ได้แก่ รถยนต์สาธารณะ รถยนต์บริการและรถยนต์ส่วนบุคคล
ง. ประเภทอื่น ๆ เช่น รถจักรยานยนต์ โทรศัพท์มือถือ กระดาษ ไม้เรือนเก่า ขวด เศษเหล็ก โลหะ เครื่องใช้ไฟฟ้า เป็นต้น
การประกอบอาชีพค้าของเก่าและขายทอดตลาดเป็นสิทธิเฉพาะตัว
ห้ามมิให้บุคคลใดประกอบอาชีพ ขายทอดตลาด และการค้าของเก่า โดยไม่ได้รับอนุญาต ของเก่าที่รัฐมนตรีประกาศยกเว้น เมื่อเห็นสมควรจะประกาศเพิกถอนก็ได้ ผู้ค้าของเก่าประเภทที่ได้รับการยกเว้น จะต้องได้รับใบอนุญาตภายใน 30 วัน นับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
เจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาต
1. อธิบดีกรมการปกครอง สำหรับกรุงเทพมหานคร
2. ผู้ว่าราชการจังหวัด สำหรับจังหวัดอื่น
นายตรวจ
1. อธิบดีกรมการปกครอง และข้าราชการพลเรือนสามัญระดับ 4 ขึ้นไป ในกรุงเทพมหานคร
2. ปลัดจังหวัด นายอำเภอ ปลัดอำเภอหัวหน้ากิ่งอำเภอ ปลัดอำเภอ ในจังหวัดอื่น[2]
หน้าที่ของนายตรวจ
1. ตรวจตราผู้ได้รับอนุญาตขายทอดตลาดในท้องที่ตนว่าได้ปฏิบัติถูกต้องครบถ้วน ตามหน้าที่ของผู้ขายทอดตลาด
2. ตรวจตราผู้ค้าของเก่าว่าได้ปฏิบัติหน้าที่ตามที่กำหนดไว้ครบถ้วนหรือไม่ ถ้าบกพร่องก็ให้ผู้ค้าของเก่าดำเนินการเสียให้ครบถ้วนบริบูรณ์ก่อน จึงให้ทำการค้าของเก่าได้
3. ตรวจบัญชีและทรัพย์สินสิ่งของการขายทอดตลาดและค้าของเก่า กรณีมีเหตุอันควรสงสัยว่าทรัพย์สินสิ่งของ ได้มาโดยการทุจริตให้รีบรายงานตามลำดับชั้น จนถึงเจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาตพิจารณาสั่งการ
4. ตรวจตราผู้ขายทอดตลาดและค้าของเก่าให้ปฏิบัติตามกฎหมาย หากปรากฏว่าปฏิบัติไม่ถูกต้องให้นายตรวจบันทึกความผิดส่งสถานีตำรวจท้องที่ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป แล้วรายงานให้เจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาตทราบ ซึ่งกรมการปกครองได้กำหนดแบบบันทึกผลการตรวจให้ถือเป็นแนวทางปฏิบัติแล้ว
5. การย้ายที่ทำการหรือร้านขายทอดตลาดและค้าของเก่าจากที่ระบุไว้ในใบอนุญาต ให้ผู้รับอนุญาต แจ้งนายตรวจทราบโดยมิชักช้า ดังนั้น เมื่อนายตรวจ ได้รับทราบแจ้ง การย้ายจากผู้ทำการขายทอดตลาดหรือค้าของเก่ารายใดแล้ว นายตรวจจะต้องตรวจอาคารสถานที่ตั้ง ตลอดจนสถานที่เก็บทรัพย์สินว่าเหมาะสมหรือไม่ พร้อมกับทำแผนที่สังเขปแสดงสถานที่ตั้ง แล้วรายงานเสนอความเห็น ต่อเจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาตสั่งการ หากได้รับอนุญาตให้แก้ไขรายการในใบอนุญาตให้ถูกต้องตามความเป็นจริง
คุณสมบัติของผู้ที่จะขออนุญาตได้
ห้ามมิให้ออกใบอนุญาตให้แก่ผู้ร้องขอ เว้นแต่ผู้นั้นจะมีคุณสมบัติหรือพื้นความรู้ ดังนี้
1. มีอายุ 20 ปีขึ้นไป
2. รู้หนังสือไทยพออ่านออกเขียนได้
3. ไม่เคยต้องโทษจำคุกตามกฎหมายลักษณะอาญา ภาค 2[3]
หน้าที่ของผู้ขายทอดตลาดและค้าของเก่า
ผู้ขายทอดตลาดต้อง
1. แสดงคำแจ้งความแห่งการขาย ณ สถานที่ขาย
2. อยู่ ณ ที่ขายในเวลาขายทอดตลาด
3. มีสมุดบัญชีการขาย
4. แจ้งวันและสถานที่ขายให้นายตรวจทราบล่วงหน้า 3 วัน
5. แสดงคำว่า “ผู้ทอดตลาด” เหนือประตูชั้นนอกของสำนักงาน
ผู้ค้าของเก่าต้อง
1. แสดงคำว่า “ผู้ค้าของเก่า” ณ ที่การของตน
2. ทำสมุดบัญชี
3. แจ้งเจ้าหน้าที่หรือนายตรวจ ถ้าสงสัยว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการทุจริต
4. ทำเลขลำดับเครื่องหมายให้ตรงกับเลขสมุดบัญชี
การพิมพ์ลายนิ้วมือ
ให้อำเภอขอความร่วมมือสถานีตำรวจท้องที่เป็นผู้พิมพ์ลายนิ้วมือของผู้ขอใบอนุญาต เพื่อส่งไปตรวจสอบ คุณสมบัติ ที่กอง ทะเบียนประวัติอาชญากร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยไม่ต้องรอผลการตรวจสอบ[4]
ใบอนุญาตผู้ขายทอดตลาดและค้าของเก่า
1. ใบอนุญาตเฉพาะตัว
2. โอนกันไม่ได้
3. สมบูรณ์เพียงวันที่ 31 ธันวาคม ของทุกปี
ให้เจ้าพนักงานเพิกถอนใบอนุญาต เมื่อผู้รับใบอนุญาตขาดคุณสมบัติ ต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก หรือต้องคำพิพากษาตามพระราชบัญญัตินี้ 2 ครั้งในปีเดียวกัน
เมื่อเจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาตมีคำสั่งไม่ออกใบอนุญาตหรือเพิกถอน เสนาบดี (รมต.มหาดไทย) จะสั่งเปลี่ยนแปลงคำสั่งก็ได้ แต่ผู้ร้องหรือผู้รับใบอนุญาตต้องยื่นคำร้องต่อเสนาบดีภายใน 10 วัน
ใบอนุญาตประกอบอาชีพขายทอดตลาด หรือค้าของเก่าสูญหาย ให้ไปขอรับ ใบแทนใบอนุญาตภายใน 7 วัน นับแต่วันสูญหาย
อัตราโทษ
1. ผู้ใดประกอบอาชีพขายทอดตลาดหรือค้าของเก่า โดยไม่ได้รับอนุญาต และประกอบอาชีพภายหลังที่มีคำสั่งเพิกถอน จำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 5,000 บาท ถ้าการกระทำผิดเป็นการขายทอดตลาด หรือค้าของเก่าประเภทโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ จำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 10,000 บาท (โทษเท่าตัว)
2. ผู้ใดขายทอดตลาดหรือค้าของเก่าโดยใบอนุญาตขาดอายุ ปรับไม่เกิน 2,000 บาท
3. ผู้ใดไม่แจ้งเจ้าหน้าที่หรือนายตรวจ เมื่อสงสัยว่าของที่ผู้มาเสนอหรือโอนเป็นทรัพย์ได้มาโดยทุจริต จำคุก 1 – 3 ปี ปรับตั้งแต่ 10,000 – 30,000 บาท ถ้าการกระทำความผิด เป็นการกระทำเกี่ยวกับวัตถุโบราณ ศิลปวัตถุ จำคุก 5 – 15 ปี ปรับตั้งแต่ 50,000 – 150,000 บาท
หน่วยรับเรื่องราวคำขออนุญาต
ให้หน่วยรับเรื่องราวคำร้องขออนุญาตเสนอเรื่องไปให้เจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาต ภายใน 10 วัน และให้เจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาตพิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน 3 วัน ถ้า
เจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาต ไม่อนุญาต ให้แจ้งผู้ขอภายใน 5 วัน หากผู้ขอต้องการอุทธรณ์ต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้ยื่นอุทธรณ์ต่อเจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาตภายใน 15 วัน ถ้าเจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาตเพิกถอนใบอนุญาต ให้รายงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยด้วย และให้ส่วนราชการต่อไปนี้เป็นหน่วยรับเรื่องราวคำขออนุญาต[5]
1. ในเขตกรุงเทพมหานคร ได้แก่ กรมการปกครอง
2. จังหวัดอื่น ได้แก่ ที่ทำการปกครองอำเภอ/กิ่งอำเภอ
ผู้มีหน้าที่ตรวจสถานประกอบอาชีพ
ผู้มีหน้าที่ตรวจ มี 2 คน คือ นายตรวจ และเจ้าพนักงาน ซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งให้มีหน้าที่ควบคุมการขายทอดตลาดค้าของเก่า ขณะนี้รัฐมนตรีไม่ได้แต่งตั้งเจ้าพนักงานผู้ใดให้มีหน้าที่ควบคุมการขายทอดตลาดค้าของเก่าแต่อย่างใด คงมีแต่นายตรวจเท่านั้นที่สามารถเข้าไปตรวจใบอนุญาต สมุดบัญชี ทรัพย์สิ่งของในร้าน หากพบการกระทำความผิด สามารถจับกุมในฐานะเป็นพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
ค่าธรรมเนียมใบอนุญาต
เงินค่าธรรมเนียมการขายทอดตลาดและค้าของเก่า ให้ถือปฏิบัติตาม ระเบียบการเก็บรักษาเงิน การนำส่งเงินส่งคลังในหน้าที่ของอำเภอ/กิ่งอำเภอ พ.ศ. 2520 และระเบียบว่าด้วยวิธีการนำเงินส่งคลัง พ.ศ. 2520 โดยค่าธรรมเนียมใบอนุญาตประกอบอาชีพการขายทอดตลาด และค้าของเก่า ให้เก็บในอัตราต่อปีดังต่อไปนี้[6]
1. การขายทอดตลาด ปีละ 15,000 บาท
2. การค้าของเก่า
– ประเภทโบราณวัตถุ 12,500 บาท
– ประเภทเพชร พลอย ทอง นาก เงิน อัญมณี 10,000 บาท
– ประเภทรถยนต์ 7,500 บาท
– ประเภทอื่น ๆ 5,000 บาท
หนังสือสั่งการ
มท 0301.2/ว66 ลงวันที่ 11 มกราคม 2538
เป็นหนังสือแจ้งเวียนหนังสือตอบข้อหารือ จังหวัดนครราชสีมา กรณีหารือว่ารถจักรยานยนต์จัดอยู่ในการค้าของเก่าประเภทใด รถจักรยานยนต์จัดอยู่ในกลุ่มประเภทค้าของเก่าประเภทอื่น ๆ ค่าธรรมเนียมปีละ 5,000 บาท
มท 0310.2/4390 ลว. 17 มี.ค.2538
เป็นหนังสือตอบข้อหารือ จังหวัดชลบุรี กรณีหารือว่า ผู้ประกอบอาชีพประเภท ไม้เรือนเก่า จะต้องได้รับอนุญาตหรือไม่ ผู้ประกอบอาชีพไม้เรือนเก่า จะต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาตก่อน จัดอยู่ในประเภทอื่น ๆ ค่าธรรมเนียมปีละ 5,000 บาท
มท 0310.2/ว 1232 ลว. 18 เม.ย.2540
เป็นหนังสือแจ้งเวียนขอให้มีการตรวจสอบคุณสมบัติผู้ขอใบอนุญาตอย่างถี่ถ้วน และกำชับให้นายตรวจออกตรวจสถานประกอบการอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง โดยยึดหลักความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมาย เพื่อสร้างความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน
มท 0309.3/ว 3523 ลว.12 ธ.ค.2545
เป็นหนังสือแจ้งเวียนการตอบข้อหารือของ จังหวัดน่าน ในประเด็นที่เกี่ยวกับการค้าของเก่าในลักษณะการจัดตลาดนัด กรณีการค้าของเก่าในตลาดนัด (ขายชั่วครั้งชั่วคราว) ไม่มีโรงเรือนหรือสิ่งปลูกสร้าง หรือไม่มีอาคารที่ใช้เป็นที่ตั้งร้าน ก็สามารถอนุญาตได้ แต่สถานที่เก็บทรัพย์สินจะต้องเป็นหลักแหล่งมั่นคง และตรวจสอบได้ ไม่จำเป็นต้องมีเลขที่บ้าน อาจอนุญาตตามเลขที่โฉนดก็ได้ เนื่องจากเจตนารมณ์ของกฎหมายก็เพื่อให้ทราบถึงตำแหน่งที่ตั้งเพื่อตรวจสอบได้เท่านั้น
ด่วนที่สุด มท 0307.3/ว 1474 ลว. 18 พ.ค.2548
เป็นหนังสือแจ้งเวียนให้เข้มงวดกวดขันร้านค้าของเก่า ประเภทอื่นๆ (โทรศัพท์มือถือ) รวมถึงให้จดรายการบุคคลกรณีที่ซื้อซิมการ์ดโทรศัพท์มือถือในระบบเติมเงิน (prepaid sim card) เพื่อป้องกันการนำ prepaid sim card ไปประกอบจุดระเบิดในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้
[1] ของเก่าที่ได้รับการยกเว้น มี 1 อย่างคือ กระสอบป่านของเก่า ได้รับการยกเว้นตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เมื่อวันที่ 1 พ.ค. 2482
[2] เจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาต และนายตรวจ ตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 9
[3] ให้ตรวจสอบเพิ่มเติมกับ พ.ร.บ.ล้างมลทินในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงครองสิริราชสมบัติ ครบ 50 ปี พ.ศ. 2539 ด้วย กฎหมายฉบับดังกล่าว ให้ล้างมลทินแก่บรรดาผู้ต้องโทษในกรณีความผิดต่าง ๆ ซึ่งได้กระทำก่อน หรือในวันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2539 และได้พ้นโทษไปแล้วก่อนหรือในวันที่ พ.ร.บ.ใช้บังคับคือวันที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2539 หรือซึ่งได้พ้นโทษไปโดยผลแห่งพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ พ.ศ. 2539 โดยให้ถือว่า ผู้นั้นมิได้เคยถูกลงโทษในกรณีความผิดนั้น ๆ
[4] มาตรา 6 (3) แห่งพระราชบัญญัติควบคุมการขายทอดตลาดและค้าของเก่า พ.ศ. 2474
[5] ระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการควบคุมการขายทอดตลาด และค้าของเก่า (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2548
[6] กฎกระทรวง ฉบับที่ 7