แนวข้อสออบพระราชบัญญัติโรงแรม พ.ศ. 2547 จำนวน 40 ข้อ

แนวข้อสออบพระราชบัญญัติโรงแรม พ.ศ. ๒๕๔๗

๑. ผู้ใดรักษาการตามพระราชบัญญัติโรงแรม พ.ศ. ๒๔๗๕

          ก. นายกรัฐมนตรี

          ข. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย

          ค. ปลัดกระทรวงมหาดไทย

          ง. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา

          จ. ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

๒. ข้อใดคือความหมายของคำว่า “โรงแรม”

          ก. สถานที่พักที่จัดตั้งขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์ในทางธุรกิจเพื่อให้บริการที่พักชั่วคราวสำหรับคนเดินทางหรือบุคคลอื่นใดโดยมีค่าตอบแทน

          ข. สถานที่พักซึ่งจัดตั้งขึ้นเพื่อให้บริการที่พักชั่วคราวซึ่งดำเนินการโดยส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจองค์การมหาชน หรือหน่วยงานอื่นของรัฐ หรือเพื่อการกุศล หรือการศึกษา โดยมิใช่เป็นการหาผลกำไรหรือรายได้มาแบ่งปันกัน

          ค. สถานที่พักที่จัดตั้งขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้บริการที่พักอาศัยโดยคิดค่าบริการเป็นรายเดือนขึ้นไปเท่านั้น

          ง. สถานที่พักที่มีจำนวนห้องพักในอาคารเดียวกันหรือหลายอาคารรวมกันไม่เกิน ๔ ห้อง และมีจำนวนผู้พักรวมกันทั้งหมดไม่เกิน ๒๐ คน ซึ่งจัดตั้งขึ้นเพื่อให้บริการที่พักชั่วคราวสำหรับคนเดินทางหรือบุคคลอื่นใดโดยมีค่าตอบแทน อันมีลักษณะเป็นการประกอบกิจการเพื่อหารายได้เสริมและได้แจ้งให้นายทะเบียนทราบตามแบบที่รัฐมนตรีกำหนด

          จ. ถูกทุกข้อ

๓. บุคคลใดจะประกอบธุรกิจโรงแรมจะต้องได้รับใบอนุญาตจากผู้ใด

          ก. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย

          ข. ปลัดกระทรวงมหาดไทย

          ค. นายทะเบียน

          ง. พนักงานเจ้าหน้าที่

          จ. คณะกรรมการส่งเสริมและกำกับธุรกิจโรงแรม

๔. พนักงานเจ้าหน้าที่ หมายความว่า ผู้ซึ่งนายทะเบียนแต่งตั้งให้ปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้ โดยแต่งตั้งจากบุคคลใดบ้าง

          ก. ข้าราชการตำรวจตั้งแต่ชั้นสัญญาบัตรขึ้นไป

          ข. ข้าราชการตั้งแต่ระดับ ๓ ขึ้นไป หรือข้าราชการหรือพนักงานส่วนท้องถิ่น ตั้งแต่ระดับ ๓ ขึ้นไป

          ค. ข้าราชการพลเรือนตั้งแต่ระดับ ๔ ขึ้นไป หรือข้าราชการหรือพนักงานส่วนท้องถิ่น ตั้งแต่ระดับ๔ ขึ้นไป

          ง. ข้อ ก. หรือ ข.

          จ. ข้อ ก. หรือ ค.

๕. ผู้ใดเป็นประธานคณะกรรมการส่งเสริมและกำกับธุรกิจโรงแรม

          ก. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย

          ข. ปลัดกระทรวงมหาดไทย

          ค. นายทะเบียน

          ง. อธิบดีกรมการปกครอง

          ค. ผู้ที่คณะกรรมการส่งเสริมและกำกับธุรกิจโรงแรมเลือกขึ้นมา

๖. กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิมีวาระอยู่ในตำแหน่งคราวละกี่ปี

          ก. ๒ ปี            ข. ๓ ปี            ค. ๔ ปี            ง. ๕ ปี            จ. ๖ ปี

๗. นอกจากพ้นตำแหน่งตามวาระแล้ว กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิต้องพ้นจากตำแหน่งในกรณีใดบ้าง

          ก. ตาย

          ข. ลาออก

          ค. เป็นบุคคลล้มละลาย

          ง. คณะรัฐมนตรีให้ออกเพราะไม่สุจริตต่อหน้าที่หรือมีความประพฤติเสื่อมเสี

          จ. ถูกทุกข้อ

๘. ข้อใดมิใช่อำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการส่งเสริมและกำกับธุรกิจโรงแรม

          ก. ให้คำแนะนำแก่รัฐมนตรีในการออกกฎกระทรวง

          ข. ให้คำแนะนำแก่รัฐมนตรีในการออกประกาศกำหนดเขตท้องที่หนึ่งท้องที่ใดเป็นเขตงดออกใบอนุญาต

          ค. พิจารณาวินิจฉัยอุทธรณ์คำสั่งของนายทะเบียนตามพระราชบัญญัตินี้

          ง. เสนอแผนและมาตรการต่างๆเกี่ยวกับการส่งเสริมและการกำกับดูแลธุรกิจโรงแรม

          จ. ไม่มีข้อใดถูก

๙. ข้อใดเป็นคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้ขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรม

          ก. มีอายุไม่ต่ำกว่า ๒๐ ปีบริบูรณ์

          ข. มีภูมิลำเนาหรือถิ่นอยู่ในราชอาณาจักรไทย

          ค. ไม่เป็นบุคคลล้มละลาย

          ง. ไม่เป็นคนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ

          จ. ถูกทุกข้อ

๑๐. ข้อใดกล่าวถูกต้อง

          ก. ให้นายทะเบียนมีหนังสือแจ้งการออกใบอนุญาต หรือไม่อนุญาตพร้อมด้วยเหตุผลให้ผู้ขอรับใบอนุญาตทราบภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับผลการพิจารณาจากหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องกับการประกอบธุรกิจโรงแรม

          ข. ใบอนุญาตฉบับหนึ่งให้ใช้กับโรงแรมที่ระบุชื่อไว้ในใบอนุญาตเท่านั้น

          ค. ใบอนุญาตฉบับหนึ่งให้มีอายุ ๕ ปี นับแต่วันที่ออกใบอนุญาต

          ง. การขอต่ออายุใบอนุญาต ให้ยื่นคำขอก่อนวันที่ใบอนุญาตสิ้นอายุ เมื่อได้ยื่นคำขอแล้วให้ถือว่าผู้ยื่นคำขอในฐานะผู้รับใบอนุญาตจนกว่าจะมีคำสั่งถึงที่สุดไม่อนุญาตให้ต่ออายุใบอนุญาต

          จ. ถูกทุกข้อ

๑๑. ผู้ยื่นคำขอต่อใบอนุญาตไม่ทันกำหนดเวลา ถ้าประสงค์จะประกอบธุรกิจโรงแรมต่อไปและได้มายื่นคำขอต่ออายุใบอนุญาตภายใน ๖๐ วัน นับแต่วันที่ใบอนุญาตสิ้นอายุ ให้ถือว่าได้ยื่นคำขอต่ออายุภายในระยะเวลาที่กำหนดและการประกอบธุรกิจโรงแรมในระหว่านั้นให้ถือเสมือนว่าเป็นการดำเนินการของผู้รับใบอนุญาต แต่เมื่อได้รับอนุญาตให้ต่ออายุใบอนุญาตแล้วผู้นั้นจะต้องเสียค่าปรับเพิ่มอีกร้อยละเท่าใดของค่าธรรมเนียมต่อใบอนุญาต

          ก. ร้อยละ ๕               

          ข. ร้อยละ ๑๐             

          ค. ร้อยละ ๑๕

          ง. ร้อยละ ๒๐             

          จ. ร้อยละ ๒๕

๑๒. ข้อใดกล่าวถูกต้อง เกี่ยวกับการตั้งชื่อโรงแรม

          ก. ชื่อโรงแรมต้องเป็นอักษรไทยที่มองเห็นได้ชัดเจน แต่จะมีอักษรต่างประเทศกำกับไว้ท้าย หรือใต้ชื่ออักษรไทยด้วยก็ได้

          ข. ต้องไม่พ้องหรือมุ่งหมายให้คล้ายกับพระปรมาภิไธย

          ค. ต้องไม่พ้องหรือมุ่งหมายให้คล้ายกับพระนามของพระราชินี หรือองค์พระรัชทายาท

          ง. ไม่ซ้ำหรือพ้องกับชื่อโรงแรมอื่นที่ได้รับอนุญาตไว้แล้ว เว้นแต่จะได้รับความ ยินยอมจากผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมนั้น

          จ. ถูกทุกข้อ

๑๓. หากผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมต้องการเปลี่ยนชื่อโรงแรม จะต้องได้รับอนุญาตจากผู้ใด

          ก. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย

          ข. ปลัดกระทรวงมหาดไทย

          ค. นายทะเบียน

          ง. พนักงานเจ้าหน้าที่

          จ. คณะกรรมการส่งเสริมและกำกับธุรกิจโรงแรม

๑๔. ในกรณีที่ใบอนุญาตสูญหายหรือถูกทำลายในสาระสำคัญ ให้ผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมยื่นคำขอรับใบแทนใบอนุญาตจากนายทะเบียนภายในกี่วัน

          ก. ๗ วัน                             

          ข. ๑๕ วัน                           

          ค. ๓๐ วัน

          ง. ๔๕ วัน                            

          จ. ๖๐ วัน

๑๕. ในกรณีผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมถึงแก่ความตาย และทายาทมีความประสงค์จะดำเนินธุรกิจโรงแรมต่อไป ให้ผู้จัดการมรดกหรือทายาทซึ่งมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้าม หรือในกรณีที่มีทายาทหลายคน ให้ทายาทด้วยกันนั้นตกลงตั้งทายาทคนหนึ่งซึ่งมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามยื่นคำขอต่อนายทะเบียนเพื่อขอรับโอนใบอนุญาตภายในกี่วัน (นับแต่วันที่ผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมตาย)

          ก. ๓๐ วัน       

          ข. ๖๐ วัน       

          ค. ๙๐ วัน       

          ง. ๑๒๐ วัน      

          จ. ๑๘๐ วัน

๑๖. ผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมผู้ใดประสงค์จะเลิกกิจการในระหว่างอายุใบอนุญาตหรือเมื่อใบอนุญาตหมดอายุ จะต้องแจ้งให้นายทะเบียนทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่ากี่วัน

          ก. ๗ วัน         

          ข. ๑๕ วัน       

          ค. ๓๐ วัน       

          ง. ๔๕ วัน        

          จ. ๖๐ วัน

๑๗. ในกรณีที่โรงแรมได้รับความเสียหายเนื่องจากเหตุอัคคีภัยหรือภยันตรายร้ายแรงอื่นๆ ให้ผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมหรือผู้จัดการแจ้งให้นายทะเบียนทราบภายในกี่วัน

          ก. ๗ วัน         

          ข. ๑๕ วัน       

          ค. ๓๐ วัน       

          ง. ๔๕ วัน        

          จ. ๖๐ วัน

๑๘. ข้อใดกล่าวไม่ถูกต้อง

          ก. ให้ผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมจัดให้มีผู้จัดการคนหนึ่งเป็นผู้มีหน้าที่จัดการโรงแรม

          ข. ผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมและผู้จัดการโรงแรมหนึ่งๆ จะเป็นบุคคลเดียวกันมิได้

          ค. ห้ามมิให้ผู้ใดเป็นผู้จัดการ เว้นแต่จะเป็นผู้มีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามที่ได้รับแต่งตั้งจากผู้ ประกอบธุรกิจโรงแรมและได้แจ้งให้นายทะเบียนทราบ

          ง. ในกรณีที่ผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมหรือบุคคลซึ่งมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้าม ฯ ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้จัดการแทนผู้จัดการ ให้ผู้นั้นมีหน้าที่และความรับผิดชอบเช่นเดียวกับผู้จัดการ

          จ. ที่กล่าวมาถูกทุกข้อ

๑๙. ในกรณีที่ผู้จัดการไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้เกิน ๗ วัน ให้ผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมหรือบุคคลซึ่งมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้าม ที่ผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมหรือผู้จัดการมอบหมายเป็นผู้จัดการแทนได้ไม่เกินกี่วัน

          ก. ๓๐ วัน                 

          ข. ๖๐ วัน       

          ค. ๙๐ วัน       

          ง. ๑๒๐ วัน      

          จ. ๑๘๐ วัน

๒๐. ผู้จัดการต้องมีอายุไม่ต่ำกว่ากี่ปี

          ก. ๒๐ ปีบริบูรณ์                             

          ข. ๒๑ ปีบริบูรณ์                             

          ค. ๒๕ ปีบริบูรณ์

          ง. ๓๐ ปีบริบูรณ์                    

          จ. ๓๕ ปีบริบูรณ์

๒๑. ผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมและผู้จัดการ มีหน้าที่และความรับผิดชอบร่วมกันเรื่องใดบ้าง

          ก. จัดให้มีป้ายชื่อโรงแรมติดไว้หน้าโรงแรม

          ข. จัดให้มีการแสดงใบอนุญาตไว้ในที่เปิดเผยเห็นไดง่ายในโรงแรม

          ค. จัดให้มีเลขที่ประจำห้องพักติดไว้ที่หน้าห้องพักทุกห้อง

          ง. จัดให้มีเอกสารแสดงอัตราค่าที่พักไว้ในที่เปิดเผยเห็นได้ง่ายในโรงแรม

          จ. ถูกทุกข้อ

๒๒. ข้อใดกล่าวไม่ถูกต้อง

          ก. การดำเนินการใดที่ผู้จัดการต้องได้รับอนุมัติจากผู้ประกอบธุรกิจโรงแรม หากผู้จัดการมีหนังสือขออนุมัติแล้วผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมเพิกเฉยหรือไม่ดำเนินการ ผู้จัดการไม่ต้องรับผิดชอบ

          ข. ผู้จัดการต้องจัดให้มีการบันทึกรายการต่างๆ เกี่ยวกับผู้พักและจำนวนผู้พักในแต่ละห้องลงในบัตรทะเบียนผู้พักในทันทีที่มีการเข้าพัก

          ค. หากผู้พักมีอายุต่ำกว่า ๒๐ ปี บริบูรณ์และเข้าพักตามลำพัง ใหผู้จัดการหรือผู้แทนลงลายมือชื่อกำกับไว้ด้วย

          ง. การบันทึกรายการต่างๆ เกี่ยวกับผู้เข้าพักลงในบัตรทะเบียนผู้พักและทะเบียนผู้พักต้องบันทึกทุกรายการให้ครบถ้วน ห้ามมิให้ปล่อยช่องว่างไว้โดยไม่มีเหตุผลสมควร

          จ. ไม่มีข้อใดผิด

๒๓. ผู้จัดการต้องเก็บรักษาบัตรทะเบียนผู้พักและทะเบียนผู้พักไว้เวลาอย่างน้อยกี่ปี

          ก. ๑ ปี           

          ข. ๒ ปี           

          ค. ๖ ปี           

          ง. ๑๒ ปี                   

          จ. ๑๘ ปี

๒๔. ผู้ใดมีหน้าที่ดูแลไม่ให้บุคคลใดหลบซ่อนหรือมั่วสุมในเขตโรงแรมในลักษณะอันควรเชื่อว่าจะก่อความไม่สงบขึ้นในบ้านเมือง หรือจะมีการกระทำความผิดอาญาขึ้นในโรงแรม

          ก. ผู้จัดการ                

          ข. ผู้ประกอบธุรกิจโรงแรม                  

          ค. นายทะเบียน

          ง. พนักงานเจ้าหน้าที่    

          จ. ผู้จัดการและผู้ประกอบธุรกิจโรงแรม

๒๕. ผู้จัดการอาจปฏิเสธไม่รับบุคคลที่ประสงค์จะเข้าพักในโรงแรมได้ในกรณีใดบ้าง

          ก. มีเหตุอันควรสงสัยได้ว่าบุคคลนั้นจะเข้าไปหลบซ่อน มั่วสุม หรือกระทำการใดอันเป็นความผิดอาญาขึ้นในโรงแรม หรือก่อให้เกิดความรำคาญแก่ผู้พักอื่นในโรงแรม

          ข. มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าบุคคลนั้นไม่สามารถจ่ายค่าห้องพักได้

          ค. มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าบุคคลนั้นเป็นโรคติดต่ออันตรายหรือโรคติดต่อตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ

          ง. มีเหตุอันสมควรประการอื่นตามที่คณะกรรมการประกาศกำหนด

          จ. ถูกทุกข้อ

๒๖. เมื่อความปรากฏต่อนายทะเบียนว่า ผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมหรือผู้จัดการผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้หรือกฎกระทรวงหรือประกาศที่ออกตามพระราชบัญญัตินี้ให้ดำเนินการอย่างไร

          ก. สั่งให้ระงับการกระทำนั้น

          ข. ดำเนินการแก้ไขได้ตามที่เห็นสมควร

          ค. สั่งพักใช้ใบอนุญาต

          ง. ข้อ ก. หรือ ข.

          จ. ข้อ ก. หรือ ข. หรือ ค.

๒๗. ในกรณีที่ผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมหรือผู้จัดการไม่ระงับการกระทำหรือดำเนินการแก้ไขตามคำสั่งของนายทะเบียนตามข้อ ๒๖ ให้นายทะเบียนมีหนังสือแจ้งให้บุคคลดังกล่าวปฏิบัติให้ถูกต้องภายในเวลาที่กำหนด ซึ่งต้องไม่เกินกี่วัน

          ก. ๓๐ วัน       

          ข. ๖๐ วัน       

          ค. ๙๐ วัน       

          ง. ๑๒๐ วัน      

          จ. ๑๘๐ วัน

๒๘. คำสั่งพักใช้ใบอนุญาตและคำสั่งเพิกถอนใบอนุญาตหรือใบรับแจ้งเป็นผู้จัดการ ให้ทำเป็นหนังสือส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับให้ผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมหรือผู้จัดการ แล้วแต่กรณี ณ โรงแรมที่บุคคลดังกล่าวประกอบธุรกิจหรือจัดการ และให้ถือว่าผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมหรือผู้จัดการได้ทราบคำสั่งนั้นแล้วเมื่อครบกำหนดกี่วัน

          ก. ๗ วัน          

          ข. ๑๕ วัน       

          ค. ๓๐ วัน       

          ง. ๔๕ วัน        

          จ. ๖๐ วัน

๒๙. ผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมซึ่งถูกสั่งพักใบอนุญาต หรือผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมหรือผู้จัดการซึ่งถูกสั่งเพิกถอนใบอนุญาตหรือใบรับแจ้งเป็นผู้จัดการ มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งของนายทะเบียน

          ก. ๗ วัน          

          ข. ๑๕ วัน       

          ค. ๓๐ วัน       

          ง. ๔๕ วัน        

          จ. ๖๐ วัน

๓๐. กรณีตามข้อ ๒๙ ให้คณะกรรมการพิจารณาและมีคำวินิจฉัยอุทธรณ์ภายในกี่วัน

          ก. ๗ วัน          

          ข. ๑๕ วัน       

          ค. ๓๐ วัน       

          ง. ๔๕ วัน        

          จ. ๖๐ วัน

๓๑. ถ้าผู้ถูกลงโทษปรับทางปกครองไม่ยอมชำระค่าปรับทางปกครอง ให้นำบทบัญญัติแห่งกฎหมายใดมาใช้บังคับ

          ก. กฎหมายว่าด้วยความผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่

          ข. กฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง

          ค. กฎหมายอาญา

          ง. กฎหมายแพ่งและพาณิชย์

          จ. ไม่มีข้อใดถูก

๓๒. ผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมหรือผู้ขอรับโอนใบอนุญาตผู้ใด เปลี่ยนแปลงประเภทของโรงแรมหรือเพิ่มหรือลดจำนวนห้องพักในโรงแรมอันมีผลกระทบถึงโครงสร้างของโรงแรม โดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน ต้องระวางโทษทางปกครองอย่างไร

          ก. ปรับตั้งแต่ ๕,๐๐๐ บาท ถึง ๒๐,๐๐๐ บาท

          ข. ปรับไม่เกิน ๕๐๐,๐๐๐ บาท และปรับอักวันละไม่เกิน ๒๐,๐๐๐ บาท ตลอดเวลาที่ยังมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้อง

          ค. ปรับไม่เกิน ๑๐,๐๐๐ บาท

          ง. ปรับไม่เกิน ๑๐๐,๐๐๐ บาท และปรับอีกวันละไม่เกิน ๕,๐๐๐ บาท ตลอดเวลาที่ยังมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้อง

          จ. ปรับตั้งแต่ ๑๐,๐๐๐ บาท ถึง ๕๐,๐๐๐ บาท

๓๓. ผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมหรือผู้ขอรับโอนใบอนุญาตผู้ใด เปลี่ยนชื่อโรงแรมโดยไม่ได้รับอนุญาตจาก นายทะเบียน ต้องระวางโทษปรับทางปกครองอย่างไร

          ก. ปรับตั้งแต่ ๕,๐๐๐ บาท ถึง ๒๐,๐๐๐ บาท

          ข. ปรับไม่เกิน ๕๐๐,๐๐๐ บาท และปรับอีกวันละไม่เกิน ๒๐,๐๐๐ บาท ตลอดเวลาที่ยังมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้อง

          ค. ปรับไม่เกิน ๑๐,๐๐๐ บาท

          ง. ปรับไม่เกิน ๑๐๐,๐๐๐ บาท และปรับอีกวันละไม่เกิน ๕,๐๐๐ บาท ตลอดเวลาที่ยังมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้อง

          จ. ปรับตั้งแต่ ๑๐,๐๐๐ บาท ถึง ๕๐,๐๐๐ บาท

๓๔. ผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมหรือผู้ขอรับโดนใบอนุญาตผู้ใด ไม่ยื่นคำขอรับใบแทนใบอนุญาตจากนายทะเบียนภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับทราบการสูญหายหรือถูกทำลาย หรือในกรณีที่โรงแรมได้รับความเสียหาย เนื่องจากเหตุอัคคีภัยหรือภยันตรายร้ายแรงอื่นๆแต่ไม่แจ้งให้นายทะเบียนทราบภายใน ๑๕ วัน นับแต่วันที่ เหตุนั้นสิ้นสุดลง ต้องระวางโทษปรับทางปกครองอย่างไร

          ก. ปรับตั้งแต่ ๕,๐๐๐ บาท ถึง ๒๐,๐๐๐ บาท

          ข. ปรับไม่เกิน ๕๐๐,๐๐๐ บาท และปรับอีกวันละไม่เกิน ๒๐,๐๐๐ บาท ตลอดเวลาที่ยังมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้อง

          ค. ปรับไม่เกิน ๑๐,๐๐๐ บาท

          ง. ปรับไม่เกิน ๑๐๐,๐๐๐ บาท และปรับอีกวันละไม่เกิน ๕,๐๐๐ บาท ตลอดเวลาที่ยังมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้อง

          จ. ปรับตั้งแต่ ๑๐,๐๐๐ บาท ถึง ๕๐,๐๐๐ บาท

๓๕. ผู้จัดการหรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายหรือแต่งตั้งเป็นผู้จัดการผู้ใด ไม่บันทึกรายการต่างๆ เกี่ยวกับผู้เข้าพักลงในบัตรทะเบียนผู้พักและทะเบียนผู้พักต้องบันทึกทุกรายการให้ครบถ้วน ปล่อยให้มีช่องว่างไว้โดยไม่มีเหตุผลสมควร ต้องระวางโทษปรับทางปกครองอย่างไร

          ก. ปรับตั้งแต่ ๕,๐๐๐ บาท ถึง ๒๐,๐๐๐ บาท

          ข. ปรับไม่เกิน ๕๐๐,๐๐๐ บาท และปรับอีกวันละไม่เกิน ๒๐,๐๐๐ บาท ตลอดเวลาที่ยังมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้อง

          ค. ปรับไม่เกิน ๑๐,๐๐๐ บาท

          ง. ปรับไม่เกิน ๑๐๐,๐๐๐ บาท และปรับอีกวันละไม่เกิน ๕,๐๐๐ บาท ตลอดเวลาที่ยังมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้อง

          จ. ปรับตั้งแต่ ๑๐,๐๐๐ บาท ถึง ๕๐,๐๐๐ บาท

๓๖. ผู้จัดการหรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายหรือแต่งตั้งเป็นผู้จัดการ ผู้ใดปฏิเสธไม่รับบุคคลที่ประสงค์จะเข้าพักในโรงแรมโดยไม่มีเหตุอันควร ตามพ.ร.บ.นี้ ต้องระวางโทษปรับทางปกครองอย่างไร

          ก. ปรับตั้งแต่ ๕,๐๐๐ บาท ถึง ๒๐,๐๐๐ บาท

          ข. ปรับไม่เกิน ๕๐๐,๐๐๐ บาท และปรับอีกวันละไม่เกิน ๒๐,๐๐๐ บาท ตลอดเวลาที่ยังมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้อง

          ค. ปรับไม่เกิน ๑๐,๐๐๐ บาท

          ง. ปรับไม่เกิน ๑๐๐,๐๐๐ บาท และปรับอีกวันละไม่เกิน ๕,๐๐๐ บาท ตลอดเวลาที่ยังมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้อง

          จ. ปรับตั้งแต่ ๑๐,๐๐๐ บาท ถึง ๕๐,๐๐๐ บาท

๓๗. ผู้ใดประกอบธุรกิจโรงแรม โดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน ต้องระวางโทษอย่างไร

          ก. จำคุกไม่เกิน ๑ ปี หรือทั้งจำทั้งปรับไม่เกิน ๒๐,๐๐๐ บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

          ข. ปรับวันละไม่เกิน ๑๐,๐๐๐ บาท ตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืนอยู่

          ค. จำคุกไม่เกิน ๑ เดือน หรือปรับไม่เกิน ๑,๐๐๐ บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

          ง. ข้อ ก. และ ข.

          จ. ไม่มีข้อใดถูก

๓๘. ผู้ใดแจ้งรายการเท็จลงในบัตรทะเบียนผู้พักหรือทะเบียนผู้พัก หรือขัดขวาง หรือไม่อำนวยความสะดวกให้แก่พนักงานเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติหน้าที่ ต้องระวางโทษอย่างไร

          ก. จำคุกไม่เกิน ๑ ปี หรือทั้งจำทั้งปรับไม่เกิน ๒๐,๐๐๐ บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

          ข. ปรับวันละไม่เกิน ๑๐,๐๐๐ บาท ตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืนอยู่

          ค. จำคุกไม่เกิน ๑ เดือน หรือปรับไม่เกิน ๑,๐๐๐ บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

          ง. ข้อ ก. และ ข.

          จ. ไม่มีข้อใดถูก 

๓๙. ผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมต้องชำระค่าธรรมเนียมรายปีตามหลักเกณฑ์ วิธีการและอัตราที่กำหนดในกฎกระทรวงตลอดเวลาที่ยังประกอบธุรกิจ ถ้ามิได้เสียค่าธรรมเนียมภายในเวลาที่กำหนดให้เสียเงินเพิ่มอีกร้อยละเท่าใด

          ก. ร้อยละ ๕ / เดือน               

          ข. ร้อยละ ๕ / ปี          

          ค. ร้อยละ ๒๐ / เดือน

          ง. ร้อยละ ๒๐ / ปี                  

          จ. ไม่มีข้อใดถูก

๔๐. โรงแรมแบ่งออกเป็นกี่ประเภท

          ก. ๑              

          ข. ๒              

          ค. ๓              

          ง. ๔              

          จ. ๕

๔๑. พระราชบัญญัติโรงแรม พ.ศ. ๒๕๔๗ กำหนดอัตราค่าธรรมเนียมในการต่ออายุใบอนุญาตครั้งละเท่าใด

          ก. ๕๐,๐๐๐     

          ข. ๒๕,๐๐๐     

          ค. ๒๐๐                    

          ง. กึ่งหนึ่ง        

          จ. ข้อ ข. หรือ ง.

๔๒. สถานที่ตั้งของโรงแรมทุกประเภทต้องมีลักษณะอย่างไร

          ก. ตั้งอยู่ในทำเลที่เหมาะสม ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพและอนามัยของผู้พักและมีการคมนาคมที่สะดวกและปลอดภัย

          ข. เส้นทางเข้าออกโรงแรมต้องไม่ก่อให้เกิดปัญหาด้านการจราจร

          ค. ในกรณีที่ใช้พื้นที่ประกอบธุรกิจโรงแรมในอาคารเดียวกันกับการประกอบกิจการอื่นต้องแบ่งสถานที่ให้ชัดเจน และการประกอบกิจการอื่นต้องไม่ส่งผลกระทบต่อการประกอบธุรกิจโรงแรม

          ง. ไม่ตั้งอยู่ในบริเวณหรือใกล้เคียงกับโบราณสถาน ศาสนสถานหรือสถาน อันเป็นที่เคารพในทางศาสนา หรือสถานที่อื่นใดอันจะทำให้เกิดทัศนียภาพที่ไม่เหมาะสม กระทบต่อความมั่นคงและการดำรงอยู่ของสถานที่ดังกล่าว หรือจำทำให้ขัดต่อขนบธรรมเนียมประเพณีและวัฒนธรรมท้องถิ่น

          จ. ถูกทุกข้อ

๔๓. โรงแรมต้องจัดให้มีการบริการและสิ่งอำนวนความสะดวกสำหรับผู้พัก โดยอย่างน้อยต้องจัดให้มีอะไรบ้าง

          ก. สถานที่ลงทะเบียนผู้พัก

          ข. โทรศัพท์หรือระบบการติดต่อสื่อสารทั้งภายในและภายนอกโรงแรม โดยจัดให้มีเฉพาะภายนอกห้องพักก็ได้ แต่ต้องมีจำนวนเพียงพอต่อการให้บริการแก่ผู้พัก

          ค. การปฐมพยาบาลเบื้องต้นและการส่งต่อผู้ป่วยไปยังสถานพยาบาลใกล้เคียง

          ง. ระบบรักษาความปลอดภัยอย่างทั่วถึงตลอด ๒๔ ชั่วโมง

          จ. ถูกทุกข้อ

๔๔. โรงแรมประเภท ๑ ต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และเงื่อไขอย่างไร

          ก. มีห้องพักไม่เกิน ๕๐ ห้อง

          ข. ห้องพักทุกห้องต้องมีพื้นที่ใช้สอยไม่น้อยกว่า ๘ ตารางเมตร ไม่รวมห้องน้ำ ห้องส้วม และระเบียงห้องพัก

          ค. มีห้องน้ำและห้องส้วมทู่กสุขลักษณะอย่างเพียงพอสำหรับผู้พัก

          ง. ข้อ ก. และ ข.

          จ. ข้อ ข. และ ค.

๔๕. โรงแรมประเภท ๒ ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขหลักเกณฑ์อย่างไร

          ก. มีห้องพักไม่เกิน ๕๐ ห้อง

          ข. ห้องพักทุกห้องต้องมีพื้นที่ใช้สอยไม่น้อยกว่า ๘ ตารางเมตร ไม่รวมห้องน้ำ ห้องส้วม และระเบียงห้องพัก

          ค. มีห้องน้ำและห้องส้วมถูกสุขลักษณะอย่างเพียงพอสำหรับผู้พัก

          ง. ข้อ ก. และ ข.

          จ. ข้อ ข. และ ค.

๔๖. โรงแรมประเภท ๓ และประเภท ๔ ต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขอย่างไร

          ก. ห้องพักทุกห้องต้องมีพื้นที่ใช้สอยไม่น้อยกว่า ๑๔ ตารางเมตร ไม่รวมห้องน้ำ ห้องส้วม และระเบียงห้องพัก

          ข. มีห้องน้ำและห้องส้วมถูกสุขลักษณะในห้องพักทุกห้อง

          ค. กรณีมีห้องพักไม่เกิน ๘๐ ห้อง ห้ามมีสถานบริการตามกฎหมายว่าด้วยสถานบริการ ฯ

          ง. ข้อ ก. และ ข.

          จ. ถูกทุกข้อ

๔๗. ข้อใดกล่าวไม่ถูกต้อง

          ก. ค่าธรรมเนียมประกอบธุรกิจโรงแรม ให้คิดคำนวฯตามจำนวนห้องพักของโรงแรม

          ข. เพื่อประโยชน์ในการคิดค่าธรรมเนียมประกอบธุรกิจโรงแรมกรณีมีการเพิ่มหรือลดจำนวนห้องพักระหว่างปี ให้ผูประกอบธุรกิจโรงแรมแจ้งจำนวนห้องพักที่เพิ่มขึ้นหรือลดลงต่อนาย

ทะเบียนในท้องที่ที่โรงแรมนั้นตั้งอยู่

          ค. กรณีที่มีการเพิ่มจำนวนห้องพักระหว่างปี ให้ผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมชำระค่าธรรมเนียมประกอบธุรกิจโรงแรมสำหรับจำนวนห้องพักที่เพิ่มขึ้นในวันที่แจ้งให้นายทะเบียนทราบ

          ง. กรณีที่มีการลดจำนวนห้องพักระหว่างปี มิให้นำจำนวนห้องพักที่ลดลงมาประกอบการ

คิดค่าธรรมเนียมประกอบธุรกิจโรงแรมเมื่อครบกำหนดรอบปีการชำระค่าธรรมเนียมประกอบธุรกิจโรงแรมในปีถัดไป

          จ. ให้ผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมยื่นคำขอชำระธรรมเนียมต่อนายทะเบียนในท้องที่ที่โรงแรมนั้นตั้งอยู่

๔๘. ข้อใดกล่าวผิด

          ก. ใบอนุญาตให้เปิดดำเนินกิจการโรงแรมตามพระราชบัญญัติโรงแรม พุทธศักราช ๒๔๗๘ ให้ถือว่าเป็นใบอนุญาตตามพระราชบัญญัตินี้ และให้ใช้ได้จนกว่าจะสิ้นอายุใบอนุญาต

          ข. ผู้ใดควบคุมและจัดการโรงแรมตามพระราชบัญญัติโรงแรม พุทธศักราช ๒๔๗๘ หรือจัดการโรงแรม ตามพระราชบัญญัตินี้อยู่แล้วก่อน หรือในวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ถ้าประสงค์จะเป็นผู้จัดการต่อไป ให้แจ้งต่อนายทะเบียนภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ

          ค. บรรดากฎกระทรวง คำสั่งหรือประกาศออกตามพระราชบัญญัติโรงแรม พุทธศักราช ๒๔๗๘ ให้ยังคงใช้บังคับได้ต่อไปเพียงเท่าที่ไม่ขัดแย้งกับพระราชบัญญัตินี้

          ง. ข้อ ก. และ ข.

          จ. ไม่มีข้อใดผิด

 

 

เฉลยแนวข้อสออบพระราชบัญญัติโรงแรม พ.ศ. ๒๕๔๗

ข้อ ๑.

ข้อ ๑๓.

ข้อ ๒๕.

ข้อ ๓๗.

ข้อ ๒.

ข้อ ๑๔.

ข้อ ๒๖.

ข้อ ๓๘.

ข้อ ๓.

ข้อ ๑๕.

ข้อ ๒๗.

ข้อ ๓๙.

ข้อ ๔.

ข้อ ๑๖.

ข้อ ๒๘.

ข้อ ๔๐.

ข้อ ๕.

ข้อ ๑๗.

ข้อ ๒๙.

ข้อ ๔๑.

ข้อ ๖.

ข้อ ๑๘.

ข้อ ๓๐.

ข้อ ๔๒.

ข้อ ๗.

ข้อ ๑๙.

ข้อ ๓๑.

ข้อ ๔๓.

ข้อ ๘.

ข้อ ๒๐.

ข้อ ๓๒.

ข้อ ๔๔.

ข้อ ๙.

ข้อ ๒๑.

ข้อ ๓๓.

ข้อ ๔๕.

ข้อ ๑๐.

ข้อ ๒๒.

ข้อ ๓๔.

ข้อ ๔๖.

ข้อ ๑๑.

ข้อ ๒๓.

ข้อ ๓๕.

ข้อ ๔๗.

ข้อ ๑๒.

ข้อ ๒๔.

ข้อ ๓๖.

ข้อ ๔๘.