การบริหารเชิงกลยุทธ์ – 20 ข้อ

  1. การบริหารเชิงกลยุทธ์ของกรมการปกครอง จะมี 4S หรือ 4 กิจกรรม ที่สำคัญ “Strategic implementation” เรียกว่า
  • การวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์
  • การวางแผนกลยุทธ์
  • การนำกลยุทธ์ไปปฏิบัติ
  • การควบคุมและประเมินผลกลยุทธ์

 

  1. การวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ สิ่งใดควรทำเป็นลำดับแรก
  • กำหนดวิสัยทัศน์ (Vision)
  • กำหนดพันธกิจ (Mission)
  • กำหนดเป้าประสงค์ (Goal )
  • กำหนดเป้าหมาย ( Target )

 

  1. การกำหนดขอบเขตของงานหรือบทบาทหน้าที่อย่างกว้างๆ ที่องค์กรต้อง ทำเพื่อให้บรรลุวิสัยทัศน์ที่กำหนดไว้ เรียกว่า
  • วิสัยทัศน์ (Vision)
  • พันธกิจ (Mission)
  • เป้าประสงค์ (Goal )
  • เป้าหมาย ( Target )

 

  1. กิจกรรมในการวางแผนกลยุทธ์ขององค์กรประกอบด้วยกี่ส่วน
  • 3 ส่วน
  • 4 ส่วน
  • 5 ส่วน
  • 6 ส่วน

 

  1. ผู้บริหารจะต้องตรวจสอบสภาพแวดล้อมภายนอกองค์กร เพื่อประเมินโอกาส (Opportunities) และอุปสรรค (Threats) โดยการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายนอกจะมีกี่ขั้นตอน
  • 3 ขั้นตอน
  • 4 ขั้นตอน
  • 5 ขั้นตอน
  • 6 ขั้นตอน

 

  1. ผู้บริหารจะต้องตรวจสอบสภาพแวดล้อมภายในองค์กรแล้วประเมินเพื่อประเมินอะไรใน SWOT
  • จุดแข็ง (Strengths) และจุดอ่อน (Weaknesses)
  • โอกาส (Opportunities) และอุปสรรค (Threats)
  • จุดแข็ง (Strengths) และอุปสรรค (Threats)
  • อุปสรรค (Threats) และจุดอ่อน (Weaknesses)

 

  1. ความสำเร็จของการนำกลยุทธ์ไปปฏิบัติขึ้นอยู่กับปัจจัยมีอะไรบ้าง
  • องค์กรมีระบบการจัดการที่ดี
  • บุคลากรมีความรู้ความสามารถ
  • ผิดทั้ง ก. และ ข.
  • ถูกทั้ง ก. และ ข.

 

  1. เครื่องมือที่ใช้ในการบริหารเชิงกลยุทธ์คือข้อใด
  • Balanced scorecard
  • Benchmarking
  • 7S
  • ถูกทั้ง ก. และ ข.

 

  1. กระบวนการควบคุมกลยุทธ์ที่ดีและมีประสิทธิภาพ มีหลักการอะไรบ้าง
  • มีความยืดหยุ่นเพียงพอ
  • ให้ข้อมูลที่ถูกต้อง
  • ได้รับข้อมูลทันเวลา
  • ถูกทุกข้อ

 

  1. การประเมินผลกลยุทธ์ใช้สิ่งใดในการประเมิน
  • ความรู้สึก
  • การวัดผลผลิต
  • การวัดผลลัพธ์
  • ข. และ ค. ถูก

 

  1. ข้อใดไม่ใช่ ประโยชน์ของการบริหารเชิงกลยุทธ์
  • เพื่อให้แนวทางในการปฏิบัติงานต่อทุกคนในองค์การ โดยเฉพาะในประเด็นสำคัญ “สิ่งที่เราพยายามจะทำ และทำให้สำเร็จ”
  • เพื่อช่วยให้ผู้จัดการ มีเหตุผลในการจัดสรรงบประมาณในการลงทุนจัดกำลังคนและทรัพยากรอื่น ๆ ให้กับแผนงานต่าง ๆ
  • ช่วยให้การตัดสินในเชิงกลยุทธ์ ซึ่งผู้จัดการฝ่ายต่าง ๆ ทั้งองค์การปฏิบัติงานร่วมกัน จะได้ตัดสินใจสอดคล้องกันเป็นหนึ่งเดียว
  • เพื่อช่วยให้เกิดการจัดกิจกรรมที่ผ่านมา เพื่อตัดสินใจตอบโต้ หรือตั้งรับต่อแนวโน้มต่าง ๆ

 

  1. Functional-Level Strategy คือกลยุทธ์ระดับใด
  • กลยุทธ์ระดับองค์กร
  • กลยุทธ์ระดับกิจการ
  • กลยุทธ์ระดับหน้าที่
  • กลยุทธ์ระดับโครงการ

 

  1. ข้อใดคือข้อพึงระมัดระวังในการประยุกต์ใช้วิธีการจัดการเชิงกลยุทธ์
  • การทำนายเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตล่วงหน้าระยะยาวอาจมีข้อผิดพลาด
  • การแยกกระบวนการออกจากกัน เช่น การแยกกลุ่มผู้จัดทำแผน กลุ่มผู้วางกลยุทธ์ และกลุ่มผู้ปฏิบัติงานเป็นคนละกลุ่มกัน หรือไม่สามารถเชื่อมโยงความคิดระหว่างกันได้
  • การนำเอาความรู้สึกโดยสัญชาตญาณมาใช้ในการกำหนดกลยุทธ์มากกว่าการกำหนดระเบียบวิธีการที่เป็นรูปธรรม
  • ถูกทุกข้อ

 

  1. วัตถุประสงค์ที่ดีต้องมีการจัดแบ่งออกเป็น 4 ด้าน ข้อใดไม่ถูกต้อง
  • วัตถุประสงค์ด้านการเงิน (Financial Perspective)
  • วัตถุประสงค์ด้านลูกค้า (Customer Perspective)
  • วัตถุประสงค์ด้านกระบวนการธุรกิจภายนอก (External Process Perspective)
  • วัตถุประสงค์ด้านองค์กรและการเรียนรู้ (Learning and Growth Perspective)

 

  1. ข้อใดไม่ใช่ลักษณะเป้าหมายที่ดี
  • สามารถบรรลุได้ ไม่ยากเกินไป
  • มีความท้าทาย ไม่ง่ายเกินไป
  • สามารถวัดผลได้ภายในระยะเวลาที่กำหนด
  • พนักงานไม่มีส่วนร่วมในการกำหนด

 

  1. ข้อใดไม่ใช่กลยุทธ์หดตัว (Retrenchment Strategy)
  • กลยุทธ์การฟื้นฟู (Turnaround Strategy)
  • กลยุทธ์จำเลย (Captive Company Strategy)
  • กลยุทธ์การขายทิ้งหรือการถอนทุนการลงทุน (Sell-Out/ Divestment Strategy)
  • กลยุทธ์การล้มละลายหรือการเลิกกิจการ (Bankruptcy/ Liquidation Strategy)

 

  1. ข้อใดไม่ใช่ กลยุทธ์การสร้างความแตกต่าง (Differentiation Steategy)
  • การเป็นผู้นำด้านต้นทุน (Cost Leadership)
  • การสร้างความแตกต่าง (Differentiation)
  • มุ่งลดต้นทุน (Cost Focus)
  • มุ่งที่ความแตกต่าง (Focused Differentiation)

 

  1. ข้อใดไม่ถูกต้องเกี่ยวกับ กลยุทธ์ระดับหน้าที่ (Functional Strategy)
  • กลยุทธ์ด้านวิจัยและพัฒนา (Research and Development Strategy)
  • กลยุทธ์ด้านปฏิบัติการ (Operations Strategy)
  • กลยุทธ์ด้านการเงิน (Financial Strategy)
  • ทุกข้อที่กล่าวมาถูกหมด

 

  1. ข้อที่ข้อใดไม่ใช่สภาวะแวดล้อมทางสังคม-วัฒนธรรม หรือ Sociocultural Environment
  • lifestyle
  • ฐานะการเงิน
  • คุณภาพชีวิต
  • การศึกษา

 

  1. ข้อที่ข้อใดไม่ใช่วิธีการจัดทำกลยุทธ์ของผู้บริหาร
  • ผู้บริหารระดับสูงเป็นผู้พัฒนาแผนและใช้กลยุทธ์ (The Master Strategist Approach)
  • ผู้บริหารมอบหมายให้ผู้อื่นกำหนดและใช้กลยุทธ์ (The Delegate-It-to-Others Approach)
  • ร่วมกันกำหนดและใช้กลยุทธ์ (The Collaborative Approach)
  • สนับสนุนให้หุ้นส่วนจัดทำและใช้กลยุทธ์ (The Champion Approach)